กรมการพัฒนาชุมชน (พช.) เริ่มปฎิบัติการคัดสรรสุดยอด OTOP ทั่วประเทศ เพื่อเข้าสู่การจัดระดับผลิตภัณฑ์ หรือที่รู้จักกันในชื่อของ การให้ระดับดาว 1 – 5 เพื่อสนับสนุนให้ผลิตภัณฑ์ OTOP ได้มีโอกาสพัฒนาคุณภาพมาตรฐานเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและในระดับสากล โดยปี 2567 นี้ มีผู้ผลิตผู้ประกอบการ ส่งผลิตภัณฑ์เข้าคัดสรรทั้งสิ้น จำนวน 16,653 ผลิตภัณฑ์
19 ก.ย. 2567 นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานในพิธีเปิดงานการคัดสรรสุดยอดหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ไทย ปี พ.ศ. 2567 ระดับประเทศ โดยมี รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิสาหกิจชุมชน ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้แทนกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ผู้แทนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ผู้แทนสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย คณะผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน ตลอดจนคณะกรรมการคัดสรรฯ เข้าร่วม ณ อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี
อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า การคัดสรรสุดยอดหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ไทย มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ทั้งในส่วนผู้ผลิตผู้ประกอบการที่จะต้องพัฒนาสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ของตนเองให้มีคุณภาพ มีมาตรฐาน และมีความพร้อมสามารถจะออกสู่ตลาดแข่งขันได้ทั้งภายในและต่างประเทศ นอกจากนี้ ในส่วนของคณะกรรมการคัดสรร ฯ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ก็มีความสำคัญมากเช่นกัน เพราะเป็นผู้พิจารณาให้ค่าคะแนน ในส่วน ค. ด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นการตรวจสอบ/วิเคราะห์คุณภาพ ตามประเภทผลิตภัณฑ์ และโอกาสทางการตลาดสู่สากล ดังนั้น ขอให้คณะกรรมการทุกท่านมุ่งมั่นตั้งใจทำงานให้เต็มที่ เพื่อประโยชน์ของทั้งผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP รวมถึงผู้บริโภคที่เป็นผู้บริโภคสินค้าOTOP จะได้เกิดความเชื่อมั่น และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เกิดความมั่นคงต่อไป
1. ประเภทอาหาร จำนวน 4,394 ผลิตภัณฑ์
2. ประเภทเครื่องดื่ม จำนวน 767 ผลิตภัณฑ์
3. ประเภทผ้า และเครื่องแต่งกาย จำนวน 6,603 ผลิตภัณฑ์
4. ประเภทของใช้ ของตกแต่ง และของที่ระลึก จำนวน 3,816ผลิตภัณฑ์
5. ประเภทสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร จำนวน 1,073 ผลิตภัณฑ์
สำหรับ เกณฑ์การคัดสรร ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่
1.ส่วน ก ด้านผลิตภัณฑ์และความเข้มแข็งของชุมชน
2.ส่วน ข ด้านการตลาดและความเป็นมาของผลิตภัณฑ์ และ
3. ส่วน ค ด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์ ซึ่งผลการจัดระดับผลิตภัณฑ์ จะแบ่งเป็น 5 ระดับ ตามคะแนน สูงสุดคือ
ระดับ 5 ดาว (ได้คะแนนตั้งแต่ 90-100) และต่ำสุดระดับ 1 ดาว (ได้คะแนนต่ำกว่า 50 คะแนน) โดยหลังจากมีการประกาศผล เจ้าของผลิตภัณฑ์ จะได้รู้จุดเด่นจุดด้อย นำความเห็นของกรรมการฯไป พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีศักยภาพมากขึ้น และมีโอกาสขยายตลาดได้มากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างรายได้อย่างยั่งยืนสู่ชุมชนต่อไป
No comments:
Post a Comment