นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ในวันที่ 23 เมษายน 2567 มีมติอนุมัติจ่ายปันผลเป็นเงินสดจากงวดผลการดำเนินงานในปี 2566 (มกราคม-ธันวาคม 2566) ในอัตรา 0.21 บาท/หุ้น กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 29 เมษายน 2567 และจ่ายปันผลวันที่ 16 พฤษภาคม 2567
“ในปีที่ผ่านมาผลการดำเนินงานของ MTC ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้ในภาพรวมตลาดจะมีการแข่งขันสูง รวมถึงผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี ถือเป็นปัจจัยกดดันกำลังซื้อและความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า”
ที่ผ่านมา MTC ได้มีการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ด้วยการปล่อยสินเชื่อมีความรัดกุมมากขึ้น ควบคู่ไปกับการดูแลลูกค้าที่มีปัญหาชำระหนี้ ตามนโยบายแก้หนี้อย่างยั่งยืนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 6,555 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.8% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนมีรายได้รวม 5,611 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,351 ล้านบาท โดย ณ สิ้นปี 2566 พอร์ตสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 143,318 ล้านบาท เติบโต 18.8% เทียบกับปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 120,613 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมทั้งปี 2566 อยู่ที่ 24,526 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.2% เทียบกับปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 20,068 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิทั้งปี 4,906 ล้านบาท
รองกรรมการผู้จัดการ MTC กล่าวอีกว่า แผนการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทฯตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อในทุกๆผลิตภัณฑ์ เพิ่มขึ้น 20% พอร์ตสินเชื่อคงค้างเพิ่มจาก 143,318 ล้านบาท เป็น 170,000 ล้านบาท เพื่อกระจายการเข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านสาขาที่มีอยู่กว่า 7,500 แห่ง โดยมุ่งสร้างความเท่าเทียมทางการเงินให้ครอบคลุมทั่วประเทศ พัฒนาการบริการลูกค้าให้เกิดความประทับใจในทุกมิติและเป็นมาตรฐานระดับสากล และวางเป้าหมายคุมสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ให้ไม่เกิน 3.2% โดยมีแผนการจัดหาเงินทุนผ่านการกู้ยืมจากสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศ และการออกหุ้นกู้
ทั้งนี้ MTC มุ่งมั่นยกระดับการบริการสินเชื่อให้เป็นแหล่งเงินทุนที่มีคุณภาพในมาตรฐานระดับโลก (World-class Thai Microfinance) สอดรับความร่วมมือองค์การระหว่างประเทศหลายสถาบัน เช่น ความร่วมมือรัฐบาลญี่ปุ่น (JICA) และรัฐบาลเยอรมนี (KFW DEG) เพื่อระดมทรัพยากรทางการเงินเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง ภายใต้หลักธรรมาภิบาล เคารพในสิทธิ รักษาผลประโยชน์ และตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าให้เกิดความประทับใจสูงสุด
โดย MTC ได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการอยู่ในระดับ "ดีเลิศ" (5 ดาว) รวมถึงผลประเมินหุ้นยั่งยืน (ESG Rating) จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในระดับ A และผลประเมิน MSCI Index ในระดับ AA สะท้อนการเป็นผู้นำในธุรกิจสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์ที่มีความรับผิดชอบและเป็นธรรม มุ่งสร้างเสถียรภาพทางการเงิน เสริมความแข็งแกร่งให้ระบบเศรษฐกิจ เติบโตเคียงคู่สังคมไทยอย่างยั่งยืน
No comments:
Post a Comment