ขึ้นราคารับซื้อใบยาสูบครั้งแรกในรอบ 10 ปี ชาวไร่ยาสูบทุกสายพันธุ์เดินสายขอบคุณคณะกรรมธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดเงิน รวมถึงการยาสูบแห่งประเทศไทย พร้อมฝากความหวังปรับขึ้นราคาย้อนหลังถึงมกราคม 2567 และดูแลชาวไร่ยาสูบอย่างต่อเนื่องด้วย
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 ตัวแทนชาวไร่ยาสูบสายพันธุ์เวอร์จิเนีย เบอร์เลย์ และ เตอร์กิซ เดินทางเข้าขอบคุณคณะอนุกรรมาธิการการเงิน การคลัง ภายใต้คณะกรรมธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดเงิน และการยาสูบแห่งประเทศไทย นำโดย นายณัฐพงษ์ สุปริยศิลป์ ประธานคณะกรรมาธิการ นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ นายพฤฒิชัย วิริยะโรจน์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง และนายจักรัตน์ พั้วช่วย อนุกรรมาธิการ เกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาราคายาสูบและยาเส้นตกต่ำ ที่ขณะนี้การยาสูบแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ปรับขึ้นราคาใบยาสูบทุกสายพันธุ์ในฤดูกาลปลูก 2566/2567 เฉลี่ย 10% โดยแบ่งเป็น สายพันธุ์เวอร์จิเนีย 8.21% สายพันธุ์เบอร์เลย์ 10.68% และสายพันธุ์เตอร์กีซ 11.26% ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2567
นายสงกรานต์ ภักดีจิตร ตัวแทนชาวไร่ยาสูบจากจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า วันนี้พวกเราพี่น้องชาวไร่ยาสูบได้เดินทางไปขอบคุณการยาสูบแห่งประเทศไทย และคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดเงิน สำหรับการขึ้นราคารับซื้อใบยาสูบเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ซึ่งการขึ้นราคาครั้งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่ได้แรงผลักดันจากส.ส.จักรัตน์ พั้วช่วย จากจังหวัดเพชรบูรณ์ ผู้เสนอญัตติเรื่องราคาใบยาตกต่ำต่อสภาด้วยความเข้าใจในอาชีพและความเป็นอยู่ของพวกเราเป็นอย่างดีว่าไม่มีพืชชนิดไหนสามารถสร้างรายได้มั่นคงเท่ากับยาสูบอีกแล้ว
นอกจากนี้ นายสุพจน์ เดชอูป ตัวแทนชาวไร่ยาสูบจังหวัดเชียงราย เสริมว่า พวกเราทราบดีว่ากว่าปัญหาแต่ละเรื่องจะผ่านกระบวนการทางรัฐสภา และราชการได้มักกินเวลานาน และมีแต่เรื่องใหญ่ ๆ เท่านั้น ที่ได้รับการใส่ใจดูแล เพราะพวกเราเองก็พบกับปัญหาเช่นนี้มาตลอดตั้งแต่การติดตามเงินช่วยเหลือจากงบกลางที่เคยต้องรอนานกว่า 3 ปีในช่วงการระบาดของโควิด-19 ในครั้งนี้ที่ปัญหาราคายาสูบและยาเส้นตกต่ำได้รับการพิจารณาหาแนวทางแก้ไขอย่างรวดเร็วก็เป็นเพราะมีหน่วยงานอย่างคณะกรรมาธิการการคลังฯ ที่เข้ามาศึกษาและหาทางออกร่วมกัน เราขอขอบคุณท่านประธาน คุณณัฐพงษ์ สุปริยศิลป์ คุณพฤฒิชัย วิริยะโรจน์ และ คุณจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ที่ให้โอกาสชาวไร่ยาสูบ และเป็นกำลังหลักในการหาทางออกให้กับพวกเรา
อย่างไรก็ตาม ชาวไร่ยาสูบเปิดเผยว่าขณะนี้ยังมีเงินช่วยเหลือปัจจัยการผลิต ฤดูกาล 2566/2567 ที่เกษตรกรยังไม่ได้รับเช่นกัน หากเป็นไปได้พวกตนก็อยากให้การยาสูบฯ ติดตามเงินช่วยเหลือจำนวนนี้ด้วยตามผลการพิจารณาของคณะอนุกรรมาธิการที่ออกมาก่อนหน้านี้ ปัจจุบัน อุตสาหกรรมยาสูบในตอนนี้เต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งจากร่างกฎกระทรวงฯ กำหนดส่วนประกอบบุหรี่ใหม่ที่เพิ่งผ่านการอนุมติโดยหลักการจากครม. ไปไม่นาน และยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของกฤษฎีกา รวมถึงการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ที่อธิบดีกรมสรรพสามิตออกมาให้การยืนยันว่าจะแล้วเสร็จภายในปีงบประมาณนี้แน่นอน ไม่ว่าผลของทั้ง 2 เรื่องจะออกมาเป็นอย่างไร ชาวไร่ยาสูบก็หวังว่าหน่วยงานภาครัฐจะคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนเป็นสำคัญ ไม่เลือกเดินทางที่สุดโต่งจนเกินไปอย่างที่เคยเป็น เพราะผลของนโยบายรัฐทุกอย่างจะหวนกลับมาทำร้ายเกษตรกรอย่างแน่นอน
No comments:
Post a Comment