KKP มองตลาดหุ้นไทย สดใสครึ่งปีหลัง ประเมินดัชนี SET ปลายปีโต 10 เปอร์เซนต์ - Biznowadays

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Friday, February 23, 2024

KKP มองตลาดหุ้นไทย สดใสครึ่งปีหลัง ประเมินดัชนี SET ปลายปีโต 10 เปอร์เซนต์

KKP-%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%AA%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B5-SET-%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%82%E0%B8%95-10-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C

บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ออกรายงานกลยุทธ์การลงทุนฉบับแรก โดยนายแดเนียล มาร์ค ไฟน์แมน นักวางแผนกลยุทธ์การลงทุนหุ้น มองว่าตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสเติบโต เเม้ภาพรวมการลงทุนในครึ่งแรกของปี 2024 อาจยังไม่สดใส แต่ผลตอบแทนจะดีขึ้นในครึ่งหลังของปี ตลอดจนการเติบโตของกำไรจะเร่งตัวดีขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า บล.เกียรตินาคินภัทร ประเมินดัชนี SET ณ สิ้นปี 2024 ที่ 1,530 จุด หรือเพิ่มขึ้น 10% จากระดับในปัจจุบัน ด้วยปัจจัยสนับสนุนสำคัญ คือ ราคาหุ้นไทยที่ไม่แพง ผลประกอบการมีโอกาสเติบโตด้วยแรงหนุนจากปัจจัยเชิงวัฏจักร และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้

ดังนั้น บล.เกียรตินาคินภัทร แนะนำพิจารณาเลือกซื้อหุ้นที่ (1) กำไรในปัจจุบันยังอยู่ต่ำกว่ากำไรในอดีตมาก (2) ได้ประโยชน์สูงจากการลดอัตราดอกเบี้ย (3) มีอัตราการถือของนักลงทุนต่างชาติในระดับต่ำ (4) อยู่อันดับต้นๆ ของการประเมินมูลค่าตาม valuation scorecard ของบล.เกียรตินาคินภัทร และ (5) เป็นหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากเทรนด์การลงทุนรถไฟฟ้า EV โดยหุ้น large และ mid-cap ที่เลือกคือ CPALL, SCB, MINT, TOP, AWC และหุ้น small-cap คือ WHA, OSP, PLANB, SPALI, DIF อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีปัจจัยความเสี่ยงได้แก่ (1) การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน (2) การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก (3) ธปท.ไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และ (4) การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีน


 

Exhibit%201

ในรายงานกลยุทธ์การลงทุนดังกล่าว ซึ่งมีชื่อว่า A 2-3 Year Upcycleให้เหตุผลประกอบการวิเคราะห์ ดังต่อไปนี้

 

1.       ราคาหุ้นไม่แพง โดยหากไม่รวมช่วงโควิดและวิกฤติการเงินโลก P/E ของหุ้นไทยที่มีการปรับเชิงวัฎจักร (cyclically-adjusted P/E) อยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 ปี อัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/B) อยู่ระดับเกือบต่ำสุดในรอบ 20 ปี ในขณะที่ equity risk premium อยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีบ่งชี้ว่าตลาดหุ้นไทยกำลังซื้อขายที่มูลค่าต่ำสุดในรอบหลายปี

 

 

Exhibit%202%20and%203
2. โอกาสการเติบโตของกำไร Real GDP ของไทยในปีที่ผ่านมายังอยู่ในระดับต่ำกว่าแนวโน้มก่อนโควิดอยู่ 10% และกำไรต่อหุ้นหรือ EPS ของ MSCI Thailand ยังตามหลัง GDP อยู่ถึง 26% ดังนั้น ในระยะข้างหน้า EPS น่าจะเริ่มเร่งตัวไล่ตามวัฏจักรเศรษฐกิจ โดยคาดการณ์อัตราการเติบโตของ EPS เฉลี่ยต่อปี จะอยู่ที่ 12-15% ในระหว่างปี 2023-2026

 

 

Exhibit%204

Exhibit%205%20and%206


 

3. แรงหนุนจากปัจจัยเชิงวัฏจักร ถึงแม้เศรษฐกิจไทยมีความท้าทายเชิงโครงสร้าง แต่ในระยะสั้นยังได้รับแรงส่งจากปัจจัยเชิงวัฎจักรที่จะกลับเป็นขาขึ้น โดยประเมินว่า 70% ของส่วนต่างระหว่างอัตรากำไรในปัจจุบันกับแนวโน้มก่อนโควิดมาจากปัจจัยเชิงวัฎจักรที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจโลก เช่น ภาคการส่งออก รวมถึงภาคการท่องเที่ยว และอัตราดอกเบี้ย และเนื่องจากตลาดหุ้นไทยมีความสัมพันธ์ไปทางเดียวกับวัฎจักรเศรษฐกิจโลกมากที่สุดประเทศหนึ่งในเอเชีย ทำให้การเติบโตมีโอกาสเร่งขึ้นได้ในระยะปานกลาง รวมถึงการใช้จ่ายของภาครัฐที่ล่าช้าไปในช่วงไตรมาสแรกของปี จะกลับมาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวกในช่วงครึ่งหลังของปี


Exhibit%207

Exhibit%208%20and%209

 

  

Exhibit%2010%20and%2011


 

4. แรงกระตุ้นจากการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เราคาดว่าธปท.จะลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุนสำคัญของตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยมักมีผลตอบแทนเป็นบวกในช่วงวัฎจักรขาลงของดอกเบี้ย โดยประเมินเป้าหมายดัชนี SET ณ สิ้นปี 2024 ที่ 1,530 จุด หรือเพิ่มขึ้น 10% จากระดับปัจจุบัน และคาดหวังว่าจะปรับเพิ่มขึ้นได้อีกในปีต่อไปเมื่อกำไรเริ่มปรับเป็นขาขึ้นที่ชัดเจน


Exhibit%2012%20and%2013

 


Exhibit%2014


 

ทั้งนี้ นายแดเนียล มาร์ค ไฟน์แมน นักวางแผนกลยุทธ์ ผู้นำการออกรายงานดังกล่าวของบล.เกียรตินาคินภัทร ทำงานวงการการเงินมากว่า 25 ปี ในบริษัทวาณิชธนกิจชั้นนำของโลก และเคยได้รับการเสนอชื่อจากนิตยสารวาณิชธนกิจให้เป็นนักวิเคราะห์หุ้นอันดับหนึ่งของไทย และนักวิเคราะห์หุ้นยอดเยี่ยมในเอเชียแปซิฟิก โดยก่อนมาร่วมงานกับบล.เกียรตินาคินภัทร รับผิดชอบการสรุปสถานการณ์การเงินในเอเชียให้กับเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังได้รับปริญญาเอกในภาควิชาประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากมหาวิทยาลัยเยล และเป็นผู้เขียนหนังสือประวัติศาสตร์ไทยชื่อ “A Special Relationship”

เกี่ยวกับบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)

บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (บล.เกียรตินาคินภัทร) เป็นหนึ่งในผู้นำของประเทศไทยด้านธุรกิจตลาดทุน ซึ่งครอบคลุมธุรกิจวานิชธนกิจ (Investment Banking) ธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์สำหรับผู้ลงทุนสถาบัน และธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคล (Wealth Management)ทั้งนี้ บล.เกียรตินาคินภัทรเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ที่ประกอบด้วย ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เคเคพี ไดม์ จำกัด โดยกลุ่มธุรกิจฯ มีเป้าหมายในการมุ่งนำทรัพยากรสู่ลูกค้าอย่างถูกต้อง เหมาะสม และเปี่ยมประสิทธิภาพด้วยบริการที่เหนือความคาดหมาย ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.kkpfg.com

No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad





Pages